Apple เปิดตัว AirTag อย่างเป็นทางการแล้ว ในงาน Apple Event ในวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา โดย AirTag เป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นเล็ก ๆ เป็นอุปกรณ์ติดตามที่สามารถนำไปห้อย คล้อง ติดกับสิ่งของ หรือใส่ไว้ในกระเป๋าเพื่อให้ติดตามหาตำแหน่งสิ่งของต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ราคาชิ้นละ 990 บาทไทย และค้นหาได้ผ่านแอป Find My
วิธีตั้งค่า AirTag ง่ายเหมือนกับการตั้งค่า AirPods คือแตะเพียงครั้งเดียวแล้วอุปกรณ์จะเชื่อมต่อกับ iPhone หรือ iPad ให้เรียบร้อย แล้วตั้งชื่อ AirTag จากนั้นก็นำไปใช้งานได้ตามปกติ วิธีตามหา AirTag คือใช้แอป Find My เพื่อค้นหาอุปกรณ์เหมือนกับใช้ค้นหา iPhone และถ้า AirTag อยู่ในระยะใกล้แต่ยังหาไม่เจอ จะมีระบบ Precision Finding ที่นำทางไปยัง AirTag ที่อยู่ใกล้ ๆ
ตัว AirTag เองไม่สามารถต่ออินเทอร์เน็ตได้ แต่ Apple ใช้เครือข่ายของอุปกรณ์ที่รองรับ Find My ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Mac, iPhone หรือ iPad ซึ่งในตัว AirTag มี Bluetooth ที่จะคอยส่งสัญญาณหาอุปกรณ์เหล่านี้ตลอดเวลา อุปกรณ์เหล่านี้ก็จะคอยรับสัญญาณและส่งขึ้น iCloud ให้โดยอัตโนมัติ (วิธีเหมือนกับตอน iPhone ตอนโดนปิดเครื่อง) ส่วน Precision Finding ใช้ชิป Apple U1 ที่อยู่ใน AirTag ที่ใช้เทคโนโลยี Ultra Wideband ในการค้นหา
Apple ระบุว่ากระบวนเบื้องหลังที่ส่งข้อมูลจาก AirTag ขึ้น iCloud การเป็นแบบเข้ารหัสทั้งหมด ดังนั้นจึงไว้ใจได้ในเรื่องความเป็นส่วนตัว และใช้ปริมาณข้อมูลน้อยมาก รวมทั้งกินแบตไม่เยอะ โดยแบตเตอรี่ของ AirTag นั้น Apple ออกแบบมาให้ใช้งานได้นานกว่า 1 ปี และเป็นแบตเตอรี่แบบมาตรฐานที่เปลี่ยนได้โดยหาซื้อถ่านจากร้านทั่วไป พร้อมทั้งแจ้งเตือนผ่าน iPhone หาก AirTag ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ก้อนใหม่
AirTag ขายราคาชิ้นละ 990 บาท หรือถ้าซื้อเป็นแพค 4 ชิ้น ราคา 3,390 บาท สามารถเลือกสลักฟรีเป็นข้อความหรืออีโมจิได้ (ตอนนี้ยังไม่สามารถสั่งซื้อได้)
สำหรับ Hermès ทาง Apple ก็ได้ทำ AirTag คอลเลคชั่นพิเศษพร้อมสายคล้องจาก Hermès สามแบบ ได้แก่
- พวงกุญแจ ราคา 11,690 บาท
- เครื่องประดับห้อยกระเป๋า ราคา 9,990 บาท
- แท็กกระเป๋าเดินทาง ราคา 14,690 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก
apple.com/th
macthai.com
